ทำความรู้จัก มัทฉะ ผงชาเขียวที่มีดีกว่าที่คุณคิด กลิ่นหอมๆบวกกับรสชาติของ มัทฉะ จะทำให้คุณผ่อนคลายและมีประโยชน์ในกับร่างกาย

มัทฉะ คือ

Matcha

มัทฉะ (Matcha) คือ ผงชาเขียวบดละเอียดที่ทำจากใบชาเขียวสายพันธุ์ เทนฉะ (Tencha) ซึ่งผ่านกระบวนการปลูก ดูแล และเก็บเกี่ยวอย่างพิถีพิถัน มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น และมีความสำคัญในวัฒนธรรมการชงชาแบบญี่ปุ่น

ตอนที่ 1 : แหล่งกำเนิดของมัทฉะ

ตอนที่ 2 : มัทฉะมีกี่แบบ และมีประโยชน์อะไรบ้าง

ตอนที่ 3 : มัทฉะกับชาเขียวต่างยังไง

ตอนที่ 4 : การเลือกซื้อ มัทฉะ ยี่ห้อไหนดี

ตอนที่ 5 : สรุป

แหล่งกำเนิดของมัทฉะ

Matcha

ต้นกำเนิดของมัทฉะย้อนกลับไปไกลถึง ราชวงศ์ซ่งของจีน (ราวศตวรรษที่ 10-12) ซึ่งในยุคนั้นมีการนำใบชามาบดเป็นผงละเอียด แล้วตีผงชากับน้ำร้อนดื่มกัน ถือว่าเป็นวิธีการดื่มชาที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงและนักบวชในวัด เซน (Zen)

ต่อมาในศตวรรษที่ 12 พระเอไซ (Eisai) พระสงฆ์นิกายเซนชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางไปศึกษาธรรมและวิถีเซนในประเทศจีน และเป็นผู้ที่นำต้นชาและแนวคิดการดื่มชากลับมาญี่ปุ่น พระเอไซเชื่อว่า ชา มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ และเขาเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดว่า “ชาคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำสมาธิ”

เมื่อเข้าสู่ญี่ปุ่นมันไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่มธรรมดา แต่ถูกหลอมรวมเข้ากับ พิธีชงชา หรือ ชาโดะ ซึ่งเป็นพิธีกรรมอันงดงามของชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะในยุค มุโรมาจิ (ศตวรรษที่ 14–16) ที่ เซนโนะ ริกิว ปรมาจารย์ด้านพิธีชงชา ได้สืบสานและพัฒนาศิลปะการชงให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและปรัชญาเซน เมืองอุจิ ในจังหวัดเกียวโต

ถือเป็นแหล่งปลูกชาเขียวที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นบ้านของใบชาเกรดสูงหลายแบรนด์ที่คนทั่วโลกหลงรักจนถึงทุกวันนี้ มัทฉะจึงไม่ได้เป็นแค่ชาเขียวธรรมดา แต่มันคือ “ศาสตร์ + ศิลป์ + สมาธิ” ในถ้วยเดียว และการดื่มคือการชะลอเวลา และเปิดใจรับพลังสงบจากธรรมชาตินั่นเอง

มัทฉะมีกี่แบบ และมีประโยชน์อะไรบ้าง

ประโชยน์Matcha

มัทฉะ แบ่งได้ 3 เกรด

  1. Ceremonial Grade (เกรดพิธีชงชา) : เป็นชาเกรดสูงสุด ทำจากยอดอ่อนของใบชาเท่านั้น สีเขียวสด กลิ่นหอม รสหวานนุ่ม ไม่ขม ใช้สำหรับดื่มแบบดั้งเดิม (ใส่น้ำร้อนแล้วตีฟอง) ราคาแพงที่สุด แต่คุณภาพดีที่สุด
  2. Premium Grade (เกรดพรีเมียม) : ยังใช้ใบชาชั้นดี แต่ไม่ถึงระดับพิธีชงชา เหมาะสำหรับดื่มในชีวิตประจำวัน รสชาติดี สีสวย กลิ่นหอม แต่ราคาย่อมเยากว่า นิยมใช้ในร้านคาเฟ่หรือผู้ที่ดื่มใบชาเป็นประจำ
  3. Culinary Grade (เกรดทำอาหาร) : ใช้ใบชาส่วนล่างของต้น สีจะเขียวเข้มหรืออมเหลืองเล็กน้อย รสขมกว่าหน่อย นิยมใช้ทำขนม อาหาร หรือผสมในเมนูต่างๆ เช่น เค้ก ไอศกรีม ลาเต้ ราคาถูกที่สุด เหมาะกับการใช้ปริมาณมาก

ประโยชน์ของ มัทฉะ

  • อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ : โดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin gallate) ที่ช่วยชะลอวัย ลดการอักเสบ และป้องกันโรคมะเร็ง
  • เพิ่มสมาธิและพลังงานอย่างนุ่มนวล : มี คาเฟอีน แต่ไม่แรงเท่ากาแฟ เพราะมีกรดอะมิโน L-Theanine ช่วยให้จิตใจสงบ สมาธิดี ไม่ใจสั่นหรือวูบวาบ
  • เร่งระบบเผาผลาญไขมัน : ช่วยในการ ควบคุมน้ำหนัก และเร่งการเผาผลาญพลังงาน
  • ดีต่อสุขภาพหัวใจ : ลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต
  • เสริมภูมิคุ้มกัน : มีวิตามิน C, A และไฟเบอร์ในปริมาณมากและมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใน หวยไว 1 นาที 
  • ดีท็อกซ์ร่างกาย : คลอโรฟิลล์ในตัวสูงมาก ช่วยขับสารพิษจากร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ

มัทฉะกับชาเขียวต่างยังไง

มัทฉะ

  • ลักษณะ มีผงสีเขียวเข้ม ละเอียดเหมือนแป้ง
  • วิธีการผลิต จะใช้วิธีบดใบชาเกรดสูงด้วยโม่หินจนเป็นผง
  • วิธีชง ผงมัทฉะตีผสมกับน้ำร้อน (ดื่มทั้งใบชา)
  • รสชาติ เข้มข้น นุ่มลึก อมหวานเล็กน้อย
  • สารอาหาร ได้สารอาหารทั้งใบชา เช่น EGCG, L-Theanine สูงมาก
  • มีปริมาณสูงพอๆ กับกาแฟ (แต่ไม่ทำให้ใจสั่นเพราะมี L-Theanine)
  • ราคาสูงกว่า เพราะกระบวนการผลิตละเอียดกว่า

ชาเขียว

  • ลักษณะ ใบชาที่ผ่านการอบแห้งหรือชง
  • วิธีการผลิต ใบชาผ่านกระบวนการนึ่ง/อบแห้ง
  • วิธีชง ใบชาแช่ในน้ำร้อน แล้วกรองทิ้ง
  • รสชาติ เบากว่า หอม สดชื่น บางครั้งมีรสฝาด
  • สารอาหาร จะได้น้อยกว่าเพราะไม่ได้บริโภคตัวใบ
  • มีคาเฟอีนน้อยกว่า
  • ราคาถูก

การเลือกซื้อมัทฉะยี่ห้อไหนดี

วิธีการเลือกซื้อ

  • ดูแหล่งผลิต: ใบชาแท้ๆ เกรดสูง มักมาจาก ญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากเมืองดังๆ เช่น อุจิ (Uji), นิชิโอะ (Nishio), ชิซูโอกะ ถ้ามาจากจีนหรือไต้หวัน อาจเป็นเกรดรอง หรือเป็นชาเขียวบดทั่วไปที่ไม่ใช่ของแท้ 
  • ดูระดับเกรด: Ceremonial Grade (เกรดพิธีชงชา) รสชาติเข้ม สีนวล ผงละเอียด เหมาะสำหรับชงดื่ม Culinary Grade (เกรดทำอาหาร)  เหมาะกับนำไปทำขนมหรือเบเกอรี่ รสจะขมกว่าเล็กน้อย สีเข้มกว่าเล็กน้อย 
  • สีของผงมัทฉะ: สี เขียวมรกตสดใส แปลว่าคุณภาพดี ถ้าออกเขียวคล้ำหรือเขียวอมเหลือง แปลว่าอาจเก็บไว้นาน หรือเป็นชาเกรดต่ำ 
  • กลิ่น & รสชาติ: ควรมีกลิ่นหอมคล้ายหญ้าสดอ่อนๆ หรือสาหร่ายนิดๆ รสละมุน ไม่ขมลึก หรือฝาดเกินไป

ยี่ห้อมัทฉะยอดนิยม

การเลือกซื้อ Matcha

เกรดพรีเมียมจากอุจิ สีสวย รสกลมกล่อม ไม่ขม เหมาะกับสายเริ่มต้นหรือคอกาแฟที่อยากลอง ราคาประมาณ 300-700 บาท / 30g

  • Ippodo Tea (ประเทศญี่ปุ่น)

แบรนด์ชาเก่าแก่จากเกียวโต Ceremonial แท้ รสละมุน ละเอียด ราคาสูงหน่อย แต่คุณภาพสมราคา เริ่มต้นที่ 700+ บาท

  • Marukyu Koyamaen (ประเทศญี่ปุ่น)

แบรนด์เจ้าดังระดับแข่งขันชงชาทั่วญี่ปุ่น มีหลายเกรด ตั้งแต่ Beginner ไปถึง Professional สีเขียวเข้มสวย กลิ่นหญ้าอ่อนๆ ละมุน

  • Yame Matcha / Uji Matcha (ประเทศญี่ปุ่น)

ระวังของปลอม! แต่ถ้าเลือกจากร้านที่มีรีวิวเยอะ และมีใบรับรองจากญี่ปุ่นจะคุ้มมาก ราคากลางๆ ราว 300-600 บาท

  • Chanoka (ประเทศไทย)

แบรนด์ไทยที่นำเข้าชาแท้จากญี่ปุ่น มีทั้ง ceremonial & culinary grade รสชาติดี ใช้ชงหรือทำขนมได้หมด

สรุป

มัทฉะไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยม แต่ยังเป็นส่วนผสมสุดฮิตในสายสุขภาพอีกด้วย เพราะให้พลังงาน ช่วยเผาผลาญ และดีต่อหัวใจและสมอง ถ้าคุณยังไม่เคยลอง อาจจะลองเริ่มจากมัทฉะลาเต้เย็นสักแก้ว แล้วคุณอาจตกหลุมรักกลิ่นหอมและรสชาติอันลึกซึ้งของมันเลยก็ได้นะครับ

Scroll to Top